​“จุรินทร์”คิกออฟจ่ายส่วนต่างประกันรายได้ชาวนา 15 ต.ค. ข้าวเจ้า-ข้าวหอมปทุมธานี รอรับเงิน

img

“จุรินทร์”คิกออฟจ่ายเงินประกันรายได้ชาวนาผู้ปลูกข้าว 15 ต.ค.นี้ “ข้าวเปลือกเจ้า” ได้ส่วนต่างตันละ 2,469.64 บาท “ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี” ได้รับส่วนต่างตันละ 783.45 บาท ส่วนอีก 3 ชนิดไม่ได้ เหตุราคาตลาดสูงกว่าราคาประกันรายได้ ชี้เป็นผลดีกับเกษตรกร เพราะขายในตลาด ได้รับเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากข้าวที่ขายได้ทุกเม็ด ไม่ต้องถูกจำกัดโควตารับเงินส่วนต่างตามเงื่อนไขโครงการ

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้กำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 รอบที่ 1 งวดที่ 1 ประจำวันที่ 15 ต.ค.2562 เพื่อชดเชยส่วนต่างให้แก่เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวสำหรับผู้ที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 16 ต.ค.2562 แล้ว โดยจะมีการจ่ายชดเชยรายได้ให้กับข้าวเปลือก 2 ชนิด คือ ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 2,469.64 บาท และข้าวเปลือกหอมปทุมธานีตันละ 783.45 บาท ส่วนอีก 3 ชนิด คือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ และข้าวเปลือกเหนียว ไม่ชดเชย

สำหรับราคาตลาดอ้างอิงที่นำมาใช้ในการคำนวณเพื่อจ่ายส่วนต่างประกันรายได้ ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 16,723.09 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 15,651.05 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 7,530.369 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 10,216.55 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 18,926.86 บาท

ทั้งนี้ รัฐบาลได้ประกันรายได้ข้าวเปลือกจำนวน 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละ 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 บาท ครัวเรือนละ 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละ 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละ 16 ตัน แต่ถ้าเกษตรกรปลูกข้าวมากกว่า 1 ชนิด จะได้สิทธิไม่เกินจำนวนขั้นสูงของข้าวแต่ละชนิด และเมื่อรวมกันต้องไม่เกินขั้นสูงของข้าวชนิดที่กำหนดไว้สูงสุด

นายวิชัยกล่าวว่า เกษตรกรผู้ปลูกข้าวอีก 3 ชนิด ที่ไม่ได้รับเงินส่วนต่างประกันรายได้ ต้องบอกว่าเป็นข่าวดี เพราะสามารถขายข้าวได้ราคาดีกว่าราคาประกัน ทำให้ได้รับเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย และยังไม่ถูกจำกัดโควตาที่จะได้รับตามที่โครงการกำหนดไว้ อย่างข้าวเปลือกหอมมะลิ กำหนดไว้ 14 ตันต่อครัวเรือน เกินกว่านี้ก็ไม่ได้ แต่ตอนนี้ ราคาตลาดสูงกว่าราคาประกัน ปลูกได้กี่ตัน ก็ขายได้ราคาตลาดทั้งหมด ถือว่ามีรายได้เต็ม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเร่งรัดผลักดันให้ราคาข้าวเปลือกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 15 ต.ค.2562 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะลงพื้นที่ชี้แจงและมอบนโยบายโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 รอบที่ 1 
ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหลักชัย อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจะคิกออฟการจ่ายเงินประกันรายได้ชาวนาด้วย ซึ่งถือเป็นการจ่ายเงินงวดแรกสำหรับการประกันรายได้ข้าว โดยข้าวเปลือกเจ้าเกษตรกรจะได้ส่วนต่างคิดเป็นเงิน 74,089.20 บาท (2,469.64 คูณ 30 ตัน) และข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 19,586.25 บาท (783.45 คูณ 25 ตัน)

>>>ติดตามข่าวสารพาณิชย์แบบฉับไว ส่งตรงถึงมือถือได้ที่ http://line.me/ti/p/%40uld0329i
>>>ติดตามข่าวสารพาณิชย์ ผ่านทวิตเตอร์ https://twitter.com/CNAOnlineTwit
 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง