​ปิดฉากประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน รวมพลัง 16 ชาติ เร่งปิดดีลเจรจา “อาร์เซ็ป”

img

ปิดฉากการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนครั้งที่ 51 ได้บทสรุปชัดเจน อาเซียนพร้อมใจเดินหน้าขับเคลื่อน 13 ประเด็นเศรษฐกิจที่ไทยผลักดัน มุ่งมั่นขยายการค้าในอาเซียนเพิ่มเป็น 2 เท่าในปี 2025 พร้อมผนึกคู่เจรจา 6 ประเทศ ปิดดีล “อาร์เซ็ป” ในการประชุมครั้งสุดท้ายที่ดานัง ก่อนชงผู้นำเดือนพ.ย. ด้านจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ย้ำเห็นด้วยต้องจบอาร์เซ็ปให้ได้ “จุรินทร์”กล่อมอินเดียอัพเกรดเอฟทีเอ จีบรัสเซียเซ็นเอ็มโอยูร่วมมือค้าขาย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ว่า การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 51 และการประชุมที่เกี่ยวข้องเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแต่ละการประชุมมีความคืบหน้ามาก โดยรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้มีการแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาของโลกและภูมิภาค และทบทวนการดำเนินการตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน พร้อมกับรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการใน 13 ประเด็นเศรษฐกิจที่ไทยในฐานะประธานอาเซียนผลักดันให้อาเซียนร่วมกันดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ และยังมุ่งมั่นที่จะดำเนินการด้านเศรษฐกิจให้ได้ตามเป้าหมายในการขยายการค้าระหว่างกันในอาเซียนให้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2025 ด้วยการมีระบบการค้าที่เปิดกว้าง มีส่วนร่วม และยึดถือกฎเกณฑ์ กติกา และเตรียมรับมือกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0

ส่วนการผลักดันการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) อาเซียนและคู่เจรจา 6 ประเทศ เห็นพ้องตรงกันว่า จะมีการประชุมหารือครั้งสุดท้ายที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 19-27 ก.ย.2562 ซึ่งเป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส โดยประเด็นต่างๆ ทั้งด้านการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน จะต้องได้ข้อยุติในการประชุมรอบดังกล่าว ก่อนจะสรุปให้ที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในเดือนพ.ย.2562 จากนั้นจะมีการลงนามร่วมกันในปี 2563 ที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพ

นายจุรินทร์กล่าวว่า การประชุมอาเซียนบวก 3 (จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้) ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจและความผันผวนของการค้าโลก จะต้องมีแนวทางการพัฒนาการค้าและการลงทุนที่มีความเหมาะสมต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันอาร์เซ็ปให้จบภายในสิ้นปีนี้ เพราะอาร์เซ็ปจะมีประโยชน์ ทั้งด้านการค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน และจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการค้าการลงทุนให้กับนักธุรกิจทั้ง 16 ประเทศ โดยเฉพาะไทยจะได้รับประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวม รวมไปถึงเอสเอ็มอี โมโครเอสเอ็มอีและการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล

สำหรับการประชุมอาเซียน–อินเดีย ไทยและอินเดียเห็นพ้องกันในเรื่องของความตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่จะต้องมีการทบทวนหรืออัพเกรดเพื่อให้เพิ่มมูลค้าการค้าระหว่างกันมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งปีที่ผ่านมา มูลค้าการค้ารวมขยายตัวที่ 20% แต่ในช่วง 7 เดือนของปีนี้ ขยายตัวเพียง 4.6% เท่านั้น โดยไทยส่งออกสินค้าไปอินเดีย ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ เคมีภัณฑ์ คอมพิวเตอร์ รถยนต์ ขณะที่สินค้าที่นำเข้าจากอินเดีย คือ เพชร พลอย เคมีภัณฑ์ เวชภัณฑ์ ยา เหล็ก ปลาเม็กเคลเรลแช่แข็ง เป็นต้น โดยไทยได้แจ้งให้ทางอินเดียทราบว่า จะนำคณะเดินทางไปอินเดียในระหว่างวันที่ 24-28 ก.ย.2562 เพื่อไปเจรจาขายสินค้าเกษตรให้กับอินเดีย ทั้งยางพารา ปาล์ม และมันสำปะหลัง

ทั้งนี้ ในช่วงการประชุม ไทยได้หารือกับรัสเซีย จะผลักดันให้มีการลงนามในเอ็มโอยู เพื่อขยายความร่วมมือด้านการค้า การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การลดอุปสรรคทางการค้า และจะรวมไปถึงการท่องเที่ยว คาดว่าจะมีการลงนามกันได้ในช่วงเดือนพ.ย.นี้  

>>>ติดตามข่าวสารพาณิชย์แบบฉับไว ส่งตรงถึงมือถือได้ที่ http://line.me/ti/p/%40uld0329i
>>>ติดตามข่าวสารพาณิชย์ ผ่านทวิตเตอร์ https://twitter.com/CNAOnlineTwit  
 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง