กรมพัฒน์ฯ จัดอบรมฟรี “ต้นไม้มีมูลค่า ประเมินราคาอย่างไร” เพิ่มความรู้ใช้เป็นหลักประกัน

img

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดินหน้าให้ความรู้ผู้บังคับหลักประกัน สถาบันการเงิน ผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้สนใจ ในหัวขัอ “ต้นไม้มีมูลค่า ประเมินราคาอย่างไร” หวังเพิ่มพูนความรู้ ไม้ยืนต้นชนิดใดมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ การปลูกต้นไม้ชนิดต่างๆ ตามลักษณะภูมิศาสตร์ การจัดกลุ่มประเภทต้นไม้ เพื่อกำหนดราคาตามคุณค่าทางเศรษฐกิจและการนำไปใช้ประโยชน์ พร้อมชี้แนวทางการประเมินมูลค่าเพื่อนำไปขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ จะจัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้บังคับหลักประกัน สถาบันการเงิน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ ในประเด็น “ต้นไม้มีมูลค่า ประเมินราคาอย่างไร” ในวันที่ 26 มี.ค.2562 เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการนำต้นไม้มาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ และต้องการให้ผู้เข้ารับการอบรมส่งต่อความรู้ที่ได้รับเผยแพร่แก่ชุมชน ผู้ประกอบธุรกิจ หรือผู้ที่กำลังมองหาแหล่งเงินทุน และยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาปลูกไม้ยืนต้นมูลค่าสูงในที่ดินกรรมสิทธิ์เพื่อการออม และปลูกป่าเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่ประเทศ

โดยการให้ความรู้ในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 หัวข้อหลัก คือ 1. ไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น การปลูกต้นไม้ชนิดต่างๆ ตามลักษณะภูมิศาสตร์ การกำหนดชนิด อายุ การจัดกลุ่มประเภทต้นไม้เพื่อกำหนดราคากลางตามคุณค่าทางเศรษฐกิจและการนำไปใช้ประโยชน์ บรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกป่า ผศ.ดร.สาพิศ ดิลกสัมพันธ์ หัวหน้าภาควิชาวนวัฒนวิทยา คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 2.การประเมินมูลค่าต้นไม้ โดยเฉพาะการประเมินมูลค่าต้นไม้เศรษฐกิจตามหลักมาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป เพื่อนำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจในการขอสินเชื่อจากสถาบันทางการเงิน บรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญด้านประเมินราคาทรัพย์สิน อาจารย์ไพรัช มณฑาพันธุ์ นายกสมาคมนักประเมินราคาอิสระไทย

ทั้งนี้ กฎกระทรวงกำหนดให้ทรัพย์สินอื่นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2561 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย 2561 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ไม้ยืนต้นเป็นทรัพย์สินที่สามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ไม้ยืนต้นที่ปลูกในที่ดินกรรมสิทธิ์จะไม่ได้รับการประเมินในการให้สินเชื่อ จะประเมินเฉพาะส่วนที่เป็นที่ดินเท่านั้น แต่หลังจากที่กฎกระทรวงฯ มีผลบังคับใช้ทำให้สถาบันการเงินสามารถเพิ่มประเภททรัพย์สินในการให้สินเชื่อมากขึ้น ส่งผลดีทั้งต่อสถาบันการเงินและเกษตรกร ประชาชนที่ต้องการใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการขอสินเชื่อโดยมีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน ส่วนจะใช้ไม้ยืนต้นประเภทใดมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจนั้น ขึ้นอยู่กับคู่สัญญาจะตกลงกัน

สำหรับผู้บังคับหลักประกัน สถาบันการเงิน ผู้ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ และผู้สนใจทั่วไปที่ต้องการเข้ารับการอบรม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร 0 2547 5048-9 สายด่วน 1570 และ www.dbd.go.th

***ติดตามข่าวสารพาณิชย์แบบฉับไว ส่งตรงถึงมือถือได้ที่ http://line.me/ti/p/%40uld0329i
***ติดตามข่าวสารพาณิชย์ ผ่านทวิตเตอร์ https://twitter.com/CNAOnlineTwit  

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง