กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยสถิติการจดทะเบียนธุรกิจเดือนพ.ย. มีจำนวน 5,539 ราย ลดลง 16% เหตุปีก่อนรัฐมีมาตรการส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาเป็นนิติบุคคล ทำให้มีการจดทะเบียนมาก โดยทุนจดทะเบียนพุ่งกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท เพิ่ม 300% เหตุมีการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่วนบริษัทเลิก 2,482 ราย ลดลง 8% มั่นใจทั้งปีการจดตั้งใหม่ยังโตตามการลงทุนภาครัฐ เอกชน และการท่องเที่ยว   

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจดทะเบียนธุรกิจเดือนพ.ย.2561 มีจำนวน 5,539 ราย ลดลง 11% เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.2561 ที่มีจำนวน 6,197 ราย เพราะเป็นสถานการณ์ปกติที่การจดทะเบียนในช่วงสิ้นปีจะลดลง และลดลง 16% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.2560 ที่มีจำนวน 6,597 ราย เพราะช่วงนี้ของปีที่แล้ว มีการตั้งธุรกิจใหม่มาก เนื่องจากรัฐมีมาตรการส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล โดยการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สินหรือการขายสินค้าให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี 2560

สำหรับธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 534 ราย รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 381 ราย และธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร จำนวน 176 ราย ส่วนมูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีจำนวน 75,167 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 300% เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.2561 และเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.2560 โดยจำนวนทุนที่เพิ่มขึ้นมาก เป็นเพราะมีการลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 56,780 ล้านบาท และธุรกิจโรงแรมมูลค่า 1,040 ล้านบาท     

ส่วนธุรกิจเลิกกิจการ มีจำนวน 2,482 ราย เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับต.ค.2561 เพิ่ม 8% เมื่อเทียบกับพ.ย.2560 โดยธุรกิจที่เลิกกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 207 ราย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 141 ราย ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร จำนวน 64 ราย มีทุนจดทะเบียนเลิกรวม 8,754 ล้านบาท ลดลง 13% เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.2561 และเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.2560

อย่างไรก็ตาม การจดทะเบียนธุรกิจรวม 11 เดือนของปี 2561 (ม.ค.-พ.ย.) มีจำนวน 68,007 ราย ลดลง 0.30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 68,212 ราย ส่วนธุรกิจเลิกมีจำนวนรวม 16,264 ราย เพิ่มขึ้น 4% ซึ่งยังคงมั่นใจว่าการจดทะเบียนตั้งใหม่ทั้งปีจะยังคงขยายตัวได้เพิ่มขึ้น เพราะนโยบายรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการลงทุนในโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ มีการลงทุนของภาคเอกชน และภาคการท่องเที่ยวเติบโตได้ดี ซึ่งส่งผลให้มีการตั้งธุรกิจใหม่ในกลุ่มของก่อสร้างอาคาร อสังหาริมทรัพย์ ภัตตาคารและร้านอาหารขึ้นมาเพื่อรองรับการขยายตัวดังกล่าว
 
***ติดตามข่าวสารพาณิชย์แบบฉับไว ส่งตรงถึงมือถือได้ที่ http://line.me/ti/p/%40uld0329i
***ติดตามข่าวสารพาณิชย์ ผ่านทวิตเตอร์ https://twitter.com/CNAOnlineTwit